ตระกูลwindows มีดังนี้
- Microsoft Windows ตั้งแต่อดีต - ปัจจุบัน
ปี | รายละเอียด |
ตุลาคม 2524 | IBM เปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลครั้งแรก พร้อมด้วยระบบปฏิบัติการ PC-DOS 1.0 ของไมโครซอฟท์ |
มีนาคม 2526 | ไมโครซอฟท์เปิดตัว MS-DOS 2.0 ที่สนับสนุนการใช้งานฮาร์ดดิสก์และระบบจัดการไฟล์แบบใหม่ |
พฤศจิกายน 2526 | ไมโครซอฟท์แนะนำระบบปฏิบัติการ Windows ที่ทำงานบน MS-DOS โดยเริ่มแรกที่ใช้ชื่อว่า Interface Manager |
พฤศจิกายน 2528 | ไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows1.0 |
เมษายน 2530 | IBM และไมโครซอฟท์ร่วมกันเปิดตัว OS/2 1.0 ระบบปฏิบัติการยุคใหม่ที่มีระบบการทำงานตามคำสั่งคอมมานต์ไลน์เหมือนกับ DOS |
ธันวาคม 2530 | ไมโครซอฟท์จำหน่ายระบบปฏิบัติการ Windows 2.0 ที่หน้าต่างสามารถวางซ้อนทับกันได้ และทำงานได้กับไมโครโปรเซสเซอร์ 80286 ของอินเทล |
ธันวาคม 2530 | ไมโครซอฟท์ เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows/386 ซึ่งอาศัยคุณสมบัติ Virtual Machine ของไมโครโปรเซสเซอร์ 80386 ซึ่งสามารถเรียกใช้งานโปรแกรม DOS ได้แบบหลายงานพร้อมกัน (Multitasking) |
มิถุนายน 2531 | ไมโครซอฟท์จำหน่ายระบบปฏิบัติการ Windows 2.0 Version 2 มีชื่อว่า Windows-286 |
ตุลาคม 2531 | IBM และไมโครซอฟท์ร่วมกันพัฒนาและออก OS/2 1.1 ซึ่งมีหน้าตาแบบกราฟฟิคคล้ายกับวินโดวส์ โดยมีชื่อว่า Presentation Manager ต่อมาภายหลังภายหลังทั้งสองบริษัทได้หยุดความร่วมมือในการพัฒนา OS/2 |
พฤศจิกายน 2531 | เปิดตัว MS-DOS 4.1 ออกสู่ตลาด |
พฤษภาคม 2533 | ไมโครซอฟท์ เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 3.0 และได้รับการตอบรับอย่างดี โดยในช่วงปลายปี ไมโครซอฟท์ขยายซอฟต์แวร์ Windows ได้มากกว่า 1 ล้านชุดต่อเดือน |
เมษายน 2534 | ไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 3.1ด้วยเทคโนโลยีแสดงตัวอักษรแบบใหม่ และแก้ปัญหาบั๊กต่างๆ |
มิถุนายน 2534 | เปิดตัว MS-DOS 5.0 ออกสู่ตลาด |
ตุลาคม 2534 | ไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows for Workgroup 3.1 โดยความสามารถด้านเครือข่าย |
มีนาคม 2535 | เปิดตัว MS-DOS 6.0 ออกสู่ตลาด |
พฤษภาคม 2535 | ไมโครซอฟท์ เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows NT 3.1 เวอร์ชั่นของสายผลิตภัณฑ์ Windows NT ซึ่งมองโดยรวมแล้วมีลักษณะคล้าย Windows 3.1 แต่ทำงานบนเครื่อง 32 บิต |
พฤศจิกายน 2536 | ไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows for Workgroup 3.11 พร้อมกับ MS-DOS 6.2 |
มีนาคม 2537 | เปิดตัว MS-DOS 6.21 ออกสู่ตลาด |
พฤษภาคม 2537 | เวอร์ชันสุดท้ายของ DOS ออกสู่ตลาด คือ MS-DOS 6.22 ด้วยความสามารถในการบีบอัดข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ DriveSpace |
กันยายน 2537 | ไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows NT เวอร์ชัน 2 ออกสู่ตลาด (Windows NT 3.5) |
มิถุนายน 2538 | ไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows NT3.51 |
สิงหาคม 2538 | ไมโครซอฟท์ เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 95 (Windows 4.0) ออกสู่ตลาด ด้วยความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ Windows 95 สนับสนุนชื่อไฟล์แบบยาว แอพพลิเคชัน 32 บิต และมีคุณสมบัติ Plug and Play พร้อมกับหน้าจออินเทอร์เฟซใหม่ ที่มีการใช้ปุ่ม Start Menu เป็นครั้งแรก |
กรกฎาคม 2539 | ไมโครซอฟท์ เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows NT 4.0 ซึ่งมีหน้าจออินเทอร์เฟซแบบเดียวกับ Windows 95 และเป็นระบบปฏิบัติการสาย NT ตัวแรกที่ประสบผลสำเร็จ |
ตุลาคม 2539 | ไมโครซอฟท์ เปิดตัวระบบปฏิบัติการ OEM Service Release 2 ของ Windows 95 หรือที่เรียกว่า OSR2 และเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกของ Windows 95 ที่สนับสนุนการใช้งานระบบไฟล์แบบ FAT32 |
มิถุนายน 2540 | ไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 95 OSR2.1 ซึ่งสนับสนุนตัวประมวลผลทางด้านกราฟฟิค AGP และพอร์ต USB |
มิถุนายน 2541 | ไมโครซอฟท์ เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 98 ออกสู่ตลาด พร้อมด้วย Internet Explorer 4.0 ไดร์เวอร์ฮาร์แวร์ใหม่ ระบบจัดการพลังงานด้วย ACPI นับเป็นวินโดวส์อีกรุ่นที่ประสบความสำเร็จ |
พฤษภาคม 2542 | ไมโครซอฟท์ เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 98 Second Edition (SE) ออกสู่ตลาด พร้อมด้วย Internet Explorer 5.0 และ Internet Connection Sharing (ICS) |
กุมภาพันธุ์ 2543 | ไมโครซอฟท์ เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 2000 (Windows NT 5.0) โดยสนับสนุนคุณสมบัติ Plug and Play, DirectX, USB และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีอยู่ใน Windows 9x |
กันยายน 2543 | ไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows Millenium Edition (Me) ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์สุดท้ายในสายผลิตภัณฑ์ Windows 9x |
ตุลาคม 2544 | ไมโครซอฟท์ เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows eXPerience หรือ Windows XP ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่รวมสายผลิตภัณฑ์ Windows 9x และWindows NT/2000 เข้าไว้ด้วยกัน และสนับสนุนงานทางด้าน Multimedia |
- Windows 95 เป็นระบบปฏิบัติการอย่างแท้จริง สร้างขึ้นมาเพื่อแทน DOS และ Windows 3.1 เลข 95 บอกถึงปีที่ออกจำหน่าย (ค.ศ. 1995) ส่วน Windows 98 ออกจำหน่าย ค.ศ. 1998 เป็นเพียงการปรับปรุง Windows 95 ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการใหม่
- Windows NT พัฒนาขึ้นมาต่างหากจาก Windows 95 กล่าวคือไม่ได้ใช้ Windows 95 เป็นฐาน ถือได้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการคนละอย่างกับ Windows 95 ถึงแม้จะมีหน้าตาเหมือนกัน มีวิธีใช้อย่างเดียวกัน คำว่า NT ย่อมาจาก New Technology เมื่อบริษัทไมโครซอฟท์คิดสร้าง OS ตระกูลนี้ขึ้นมา ก็เพราะต้องการจะแยกระหว่าง OS ที่ใช้ในสำนักงานซึ่งโยงกันเป็นเครือข่ายประเภทที่มีแม่ข่าย กับ OS ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ที่ใช้ตามบ้านซึ่งไม่เชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบ LAN ไมโครซอฟท์ตั้งใจให้ใช้ระบบปฏิบัติการนี้ในระบบเครือข่ายในวงการธุรกิจ Windows NT แบ่งเป็น Windows NT Server ใช้ในเครื่องที่เป็นแม่ข่าย และ Windows NT Client ใช้ในเครื่องที่เป็นลูกข่าย เราสามารถใช้ Windows NT Client เดี่ยว ๆ แทน Windows 95/98 ก็ได้ แต่เนื่องจากต้องการทรัพยากรของเครื่องมากกว่า จึงอาจจะไม่เหมาะสม
- Windows 2000 สืบเชื้อสายจาก Windows NT ไม่ใช่จาก Windows 95/98 ก่อนที่จะมีรุ่นนี้ Windows NT พัฒนามาถึง Windows NT 4 แต่แทนที่จะเรียกรุ่นต่อไปว่า Windows NT 5 กลับเปลี่ยนชื่อเป็น Windows 2000 ใช้ปี ค.ศ. ที่ออกจำหน่ายเป็นชื่อ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันว่า สืบเชื้อสายจาก Windows 95/98 อนึ่ง Windows 2000 ที่ใช้ในเครื่องที่เป็นลูกข่าย ใช้ชื่อว่า Windows 2000 Professional ไม่ใช่ Windows 2000 Client
- Windows Millennium เป็นชื่อที่ชวนให้สับสนมากที่สุด เนื่องจากคำว่า Millennium บอกถึงสหัสวรรษใหม่ คนจำนวนมากจึงคิดว่าเป็นอีกชื่อหนึ่งของ Windows 2000 (ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มักเข้าใจผิดกันว่าปี 2000 คือปีแรกของสหัสวรรษใหม่) แต่ที่จริง Windows Millennium คือวินโดวส์ตระกูล Windows 95/98 รุ่นสุดท้าย หลังจากนี้บริษัทไมโครซอฟท์เลิกพัฒนาวินโดวส์ตระกูลนี้
- Windows XP เป็นวินโดวส์รุ่นล่าสุด เป็นสายพันธุ์ Windows NT แต่เพิ่มฉบับที่สำหรับให้ใช้ตามบ้านได้ด้วย เรียกว่า Windows XP Home Edition ซึ่งมาใช้แทนสายพันธุ์ Windows 95
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น